
9 ก.พ. สถานการณ์ขับไล่คณะรัฐประหารในเมียนมาตึงเครียด หลังชาวบ้านยังคงออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ในหลายเมือทั่วประเทศ ไม่หวั่นแม้กองทัพประกาศกฎอัยการศึกสั่งเคอร์ฟิวพร้อมห้ามรวมตัวชุมนุมเกิน 5 คน
ที่กรุงเนปิดอว์ ชาวเมียนมานับพันคนยังคงออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐประหารอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดปราบจลาจลที่ตั้งแถวหน้ากระดาน ก่อนที่ตำรวจจะเริ่มใช้ปืนใหญ่ฉีดน้ำเพื่อควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมอีกครั้งเป็นวันที่สอง กระทั่งมีรายงานว่าตำรวจเมียนมาได้ยกระดับการใช้กระสุนยางเข้าสลายการชุมนุม
เอฟพีระบุว่า ตำรวจได้ใช้วิธีการยิงปืนขึ้นฟ้าสองครั้งเพื่อเตือน ก่อนที่ใช้กระสุนยางเข้าสลายผู้ชุมนุม ส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมแตกกระจายไปคนละทิศทาง สอดคล้องกับสำนักข่าวอิระวดีสื่อท้องถิ่นเมียนมารายงานว่า ตำรวจปราบจลาจลได้ใช้กระสุนยางเข้าสลายผู้ชุมนุมในกรุงเนปิดอว์ ซึ่งรวมพลแสดงพลังต้านเผด็จการทหารบริเวณอนุสาวรีย์แห่งชาติใกล้อาคารรัฐสภา
เช่นเดียวที่เมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ ที่มีรายงานตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเพื่อเข้าสลายการชุมนุมต้านรัฐประหาร โดยผู้เห็นเหตุการณ์เผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ถือธงสีแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของพรรคสันนิบาตรแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ของนางซูจี
ท่าทีอันแข็งกร้าวของทางการ มีขึ้นหลังจากที่พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่ายน์ กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ประกาศใช้กฎอัยการศึกและเคอร์ฟิวเพื่อควบคุมสถานการณ์ประท้วงต่อต้านการยึดอำนาจของกองทัพ ซึ่งมินอองหล่ายน์ยังคงอ้างเหตุผลการยึดอำนาจว่าเพราะพบการโกงเลือกตั้งเมื่อ พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา แต่กองทัพไม่เคยแสดงหลักฐานการโกงการเลือกตั้งตามที่กล่าวอ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น