เงินบาทไทยเดือน มิ.ย. เฟ้อหนัก พุ่ง 7.66% สูงสุดในรอบ 13 ปี - ข่าวออนไลน์ ข่าวด่วน ข่าววันนี้ การเมือง บันเทิง ข่าวอาชญากรรม SBCT

Breaking

Post Top Ad

rTr0df.jpg

Post Top Ad

rTnhMg.jpg

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

เงินบาทไทยเดือน มิ.ย. เฟ้อหนัก พุ่ง 7.66% สูงสุดในรอบ 13 ปี

        

             เงินเฟ้อ มิ.ย. 65 พุ่ง 7.66% ทำสถิติสูงสุดในรอบปี และสูงสุดในรอบ 13 ปีอีกครั้ง เหตุได้รับผลกระทบจากน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้มขึ้นราคา กลุ่มอาหารสำคัญ ทั้งหมู ไก่ ไข่ เครื่องประกอบอาหาร เพิ่มสูงขึ้น คาดแนวโน้มไตรมาส 3 ยังสูง แต่ประเมินไม่ได้เพราะปัจจัยบวกและลบมีเพียบ ทั้งปียังยืนเป้า 4-5% จะปรับหรือไม่ขอดูสถานการณ์ก่อน ย้ำขึ้นดอกเบี้ยต้องรอบคอบ


            นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน มิ.ย. 2565 เท่ากับ 107.58 เทียบกับ พ.ค. 2565 เพิ่มขึ้น 0.90% เทียบกับเดือน มิ.ย. 2564 เพิ่มขึ้น 7.66% แต่ก็ยังต่ำกว่าที่หลายสำนักได้คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 8% ส่วนเงินเฟ้อรวม 6 เดือนปี 2565 (ม.ค.-มิ.ย.) เพิ่มขึ้น 5.61% และเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่หักอาหารสดและพลังงานที่มีความผันผวนด้านราคาออก ดัชนีอยู่ที่ 102.99 เพิ่มขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค. 2565 และเพิ่มขึ้น 2.51% เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย. 2564 และเฉลี่ย 6 เดือนเพิ่มขึ้น 1.85%

            ทั้งนี้ เงินเฟ้อเดือน มิ.ย. 2565 ที่เพิ่มขึ้น 7.66% เป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่สูงที่สุดในรอบปีนี้ นับตั้งแต่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 13 ปี มาตั้งแต่เดือน ก.พ. 2565 ที่เพิ่มขึ้น 5.28% มี.ค. 2565 เพิ่ม 5.73% เม.ย. 2565 ชะลอตัวลง แต่ยังเพิ่ม 4.65% และ พ.ค. 2565 เพิ่ม 7.1%



            สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ปัจจัยหลักยังคงเป็นสินค้ากลุ่มพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น 39.97% โดยน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงถึง 39.45% ค่าไฟฟ้า เพิ่ม 45.41% ก๊าซหุงต้ม เพิ่ม 12.63% ส่วนกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 6.42% โดยสินค้าที่เพิ่มขึ้น เช่น เนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ และเครื่องประกอบอาหาร ที่ได้รับผลกระทบจากพลังงานที่เป็นต้นทุนแฝงในกระบวนการผลิต โลจิสติกส์ และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่วนสินค้าอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น เช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม สบู่ ยาสีฟัน บุหรี่ เบียร์ สุรา และค่าโดยสารสาธารณะ แต่ก็มีสินค้าสำคัญหลายรายการลดลง เช่น กลุ่มข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ผลไม้สด เช่น เงาะ มังคุด ลองกอง กลุ่มสื่อสาร เช่น ค่าส่งพัสดุไปรษณีย์ และค่าเครื่องรับโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น


            นายรณรงค์กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อในไตรมาส 3 ยังมีแนวโน้มขยายตัวในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา แต่จะเป็นอัตราเท่าใดยังประเมินไม่ได้เพราะเหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้น และยังมีหลายปัจจัยที่จะกระทบเงินเฟ้อ ทั้งการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ราคาน้ำมัน ผลกระทบจากโควิด-19 ที่ยังมีอยู่ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การส่งออกที่ขยายตัว การท่องเที่ยวฟื้นตัว ที่มีผลต่อกำลังซื้อ ค่าเงินบาทอ่อนก็มีผล ทำให้คาดการณ์ได้ลำบาก ส่วนเป้าหมายเงินเฟ้อทั้งปียังคาดการณ์เหมือนเดิมอยู่ที่ 4-5% มีค่ากลาง 4.5% ส่วนจะปรับหรือไม่ ขอรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน

            สำหรับการหยุดยั้งเงินเฟ้อด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ตามหลักการก็ถูกต้อง แต่เงินเฟ้อของไทยในปัจจุบันเกิดจากปัจจัยภายนอกภูมิภาคที่เข้ามากระทบ ดังนั้น การปรับขึ้นดอกเบี้ยต้องพิจารณาว่าจะเป็นบวกหรือลบมากน้อยแค่ไหน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Top Ad

rTnhMg.jpg