สรุปเหตุการณ์สารวัตรคลั่งถือปืนกราดยิงเขตสายไหม - ข่าวออนไลน์ ข่าวด่วน ข่าววันนี้ การเมือง บันเทิง ข่าวอาชญากรรม SBCT

Breaking

Post Top Ad

rTr0df.jpg

Post Top Ad

rTnhMg.jpg

วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2566

สรุปเหตุการณ์สารวัตรคลั่งถือปืนกราดยิงเขตสายไหม

 


สรุปเหตุการณ์พันตำรวจโทคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืนยิงกราดในบริเวณบ้านพักย่านสายไหมจนนำไปสู่สถานการณ์ปิดล้อมกลางกรุง

            เวลา 10.00 น. ของวันที่ 14 มี.ค. 66 ชาวบ้านในพื้นที่แจ้งว่า มีชายคลุ้มคลั่งก่อเหตุ “กราดยิง” บริเวณบ้านพัก ในแยกซอยสายไหม 46 เขตสายไหม กทม. ต่อมาตำรวจ สน.สายไหม ได้เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่

จากการตรวจสอบพบว่า ตำรวจที่เกิดอาการคลุ้มคลั่งรายนี้ คือ พ.ต.ท. กิตติกานต์ หรือ “สารวัตรกานต์” อายุ 51 ปี ตำรวจสันติบาล สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าว

            สื่อหลายสำนัก อาทิ เดลินิวส์ และช่อง 8 รายงานได้อ้างคำให้สัมภาษณ์ของเพื่อนสารวัตรคนนี้ที่บอกว่า เขา "มีอาการป่วยทางจิต" โดยสารวัตรกานต์ได้โทรศัพท์ให้มารับที่บ้าน แต่เมื่อมาถึง สารวัตรกานต์ได้ชักปืนยิงออกมาจากภายในบ้านเป็นระยะ

ตำรวจที่เป็นเพื่อนสนิท ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในวันที่ 15 มี.ค. ว่า สารวัตรกานต์ชอบพูดเรื่องของ "พระเจ้าและซาตาน" และไม่นานมานี้ กล่าวว่า "กามเทพไม่แผลงศร" เชื่อว่า มาจากความรักที่ไม่สมหวัง

            เมื่อเวลาประมาณ 12.15 น. ตำรวจได้นำกำลังบุกเข้าไปเพื่อควบคุมตัวสารวัตรกานต์ จนเกิดการยิงต่อสู้ โดยมีรายงานผู้บาดเจ็บ และนำส่งโรงพยาบาลแล้ว

ต่อมาตำรวจได้ยืนยันแล้วว่า ผู้บาดเจ็บที่ส่งตัวไปโรงพยาบาล คือ สารวัตรกานต์ แต่ยังไม่ให้รายละเอียดใดเพิ่มเติม

ตำรวจนำตัวผู้ก่อเหตุส่งโรงพยาบาล

            เวลาประมาณ 9.30 น. วันที่ 15 มี.ค. ตำรวจหน่วยอรินทรราช ถูกกระสุนยิงออกมาจากบ้านของสารวัตรผู้ก่อเหตุหลายสิบนัด โดยไปกระทบถูกหมวกนิรภัย แต่ไม่ทะลุ ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บถึงชีวิต

เวลา 12.00 น. พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารับฟังรายงานความคืบหน้า จากกำลังตำรวจในพื้นที่ ยืนกรานว่า "หากจำเป็น จะเข้าดำเนินการ"

"ต้องยอมรับว่า นายตำรวจผู้นี้ มีภาวะเป็นคนไม่ปกติ เรายังไม่ถือว่าเขาเป็นคนร้าย และยังไม่มีตัวประกัน การทำงานของตำรวจก็ต้องทำงานอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายของสารวัตรที่คลุ้มคลั่ง และตำรวจที่ปฏิบัติการ" ผบ.ตร. กล่าว

"ผมได้พูดคุยกับเขา รู้เรื่อง เหมือนจะรู้เรื่องแต่ก็ไม่รู้เรื่อง" และ "ผู้ก่อเหตุได้เปรียบทางยุทธวิธีพอสมควร (เพราะอยู่ชั้นสอง) เขาผ่านการฝึกยุทธวิธีมาด้วย ทำให้มีความชำนาญในหลายด้าน"


            พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ยังประเมินสถานการณ์อยู่ แต่จะพยายามไม่กดดันผู้ก่อเหตุมากเกินไป จนคิดสั้นทำร้ายตัวเองด้วยอาวุธปืน

"เจ้าหน้าที่ควบคุมทั้งสี่ด้านของบ้านพัก ถ้าจำเป็นจะต้องปฏิบัติการเด็ดขาด เราก็จะใช้วิธีการเด็ดขาด แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น" พล.ต.ท. ธิติ ระบุ พร้อมอธิบายว่า จุดที่จะตัดสินใจใช้มาตรการเด็ดขาด คือ เมื่อ "ประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัย และกระทบชีวิตและทรัพย์สิน"

ส่วนปืนของผู้ก่อเหตุนั้น จากการประเมินแล้วเชื่อว่า มีปืนอัตโนมัติ 1 กระบอก และปืนลูกโม่ 1 กระบอก แต่ยังไม่ทราบจำนวนกระสุนในครอบครองแน่ชัด

            ต่อมาทางผู้สื่อข่าวพิเศษบีบีซีไทย ที่ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงแรกในพื้นที่ รายงานว่า ซอยบ้านพักของ พ.ต.ท. กิตติกานต์ เป็นซอยที่ค่อนข้างลึก ด้านหลังเป็นป่ารก แต่สื่อที่ติดตามข่าวหลายคน ไม่รู้สึกอันตรายนัก เพราะอยู่ห่างออกมาพอสมควร

"แค่ไม่เข้าใจว่า ทำไมไม่เพิ่มเลเวลความรุนแรง แต่เข้าใจว่า เขาเป็นผู้ป่วยทางจิต และยังไม่ได้ทำร้ายตัวเอง" ผู้สื่อข่าวพิเศษบีบีซีไทย รายงาน

จากการยิงกระสุนออกจากบ้าน และการใช้แก๊สน้ำตา ประเมินว่า มีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 20 ครัวเรือน หลายคนเป็นผู้ป่วยติดเตียงและเด็ก ทำให้การอพยพเป็นไปอย่างยากลำบาก

            แม้ตำรวจจะได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 14 มี.ค. แต่ผู้สื่อข่าวภาคสนามของรายการ "เจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์" รายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงมาตั้งแต่เวลาประมาณ 8.00 น. แล้ว

หลังตำรวจได้รับแจ้งเหตุ และนำกำลังเข้าปิดล้อมเพื่อระงับเหตุ เมื่อเวลา 12.30 น. สารวัตรกานต์ ได้ถือปืนออกมาจากภายในบ้าน พร้อมตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะ จากการรายงานของคมชัดลึก

            ตำรวจพยายามเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ยอมมอบตัว แต่เจ้าตัวยิงปืนสวนออกมาหลายสิบนัด ทำให้ประชาชนในพื้นที่แตกตื่น จนเมื่อเวลา 16.10 น. พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น.ในฐานะอดีตเคยเป็นผู้บังคับบัญชาในสังกัด เข้าเจรจา ท่ามกลางสื่อมวลชนที่เข้าไปติดตามหลายสำนัก

            ระหว่างการเจรจาเกลี้ยกล่อม เจ้าหน้าที่และอาสากู้ภัย ก็ได้เร่งอพยพประชาชนในพื้นที่ออกไป เพื่อความปลอดภัย โดยจนถึงเวลานี้ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

แม้จะเจ้าหน้าที่จะพาบุตรชาย และมารดาของสารวัตรกานต์ เข้าเกลี้ยกล่อม แต่การเจรจาก็ยังไม่เป็นผล

คมชัดลึกรายงานว่า ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ชาวบ้านในพื้นที่ ทราบว่า “สารวัตรกานต์ มีภาวะทางจิต ขาดราชการหลายวัน โดยมักจะเห็นเขาถือโทรศัพท์ ใส่หูฟังพูดคนเดียว และตะโกนด่าทอไปเรื่อย บางวัน จะใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า สร้างความหวาดผวาให้เพื่อนบ้านไปทั่ว”

            ความคืบหน้าเหตุการณ์สารวัตรกานต์ ก่อเหตุกราดยิงออกมาจากบ้านของตัวเอง ผ่านเข้าสู่วันที่ 2 ล่วงเลยมา 24 ชั่วโมง ตอนนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 และหน่วยคอมมานโด ยังปิดล้อมบ้านพักของสารวัตรรายนี้


            เวลา 02.00 น. หน่วยคอมมานโดกว่า 20 นาย ได้เข้าปิดล้อมทั้งด้านหน้าและด้านหลังบ้านผู้ก่อเหตุ ก่อนระดมยิงแก๊สน้ำตาทะลุกระจกบานเกร็ดเข้าไปในตัวบ้าน โดยตลอด 1 ชั่วโมง ยิงใส่เข้าไปแล้ว 32 ลูก แต่ก็ไม่มีการตอบโต้แต่อย่างใด จึงคาดว่า สารวัตรกานต์หลบซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำชั้น 2 เพื่อหลบแก๊สน้ำตา

ผลของการใช้แก๊สน้ำตา กระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่ เกิดการสำลักแก๊สน้ำตา เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้าปฐมพยาบาล และให้ประชาชนออกจากพื้นที่

            เวลา 06.40 น. เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ถอนกำลังออกจากพื้นที่ชั่วคราว เพื่อวางแผนใหม่ แต่ยังใช้เครื่องขยายเสียงเจรจาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนสาเหตุที่ไม่บุกควบคลุมตัวทาง พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ ยืนกรานว่า ห้ามใช้ความรุนแรง เพราะสารวัตรกานต์ ไม่ใช่อาชญากร แต่เป็น “ผู้ป่วยทางจิต” ต้องได้รับการบำบัด

            12.20 น. ของ 15 มี.ค. ตำรวจคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วในฐานะ "ผู้ป่วย" เพราะ ผบ.ตร. ระบุว่า ยังไม่ถือเป็นคนร้าย เนื่องจากไม่มีตัวประกัน ไม่มีใครบาดเจ็บร้ายแรง หรือเสียชีวิต



ขอบคุณข้อมูลข่าว BBC

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Top Ad

rTnhMg.jpg